ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต
ความหมายของอินเตอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ต ( Internet ) คือ เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมเครือข่าย ภายใต้มาตรฐานการเชื่อมโยงด้วยโปรโตคอลเดียวกันคือ TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในอินเทอร์เน็ตสามารถสื่อสารระหว่างกันได้ นับว่าเป็นเครือข่ายที่กว้างขวางที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากมีผู้นิยมใช้ โปรโตคอลอินเทอร์เน็ตจากทั่วโลกมากที่สุด

ความเป็นมาของอินเตอร์เน็ต 

คอมพิวเตอร์แต่ละระบบส่วนใหญ่จะแยกทำงานกันโดยอิสระมีเพียงระบบคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ใกล้กันเท่านั้นที่สามารถสื่อสารกันด้วยความเร็วต่ำ จากปัญหาและอุปสรรคในการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์และความต้องการในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกัน จึงทำให้เกิดโครงการอาร์พาเน็ต (ARPANET)
โครงการอาร์พาเน็ตอยู่ในความควบคุมดูแลของอาร์พา (Advanced Research Projects Agency หรือ ARPA) ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อย ในสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา อาร์พาทำหน้าที่สนับสนุนงานวิจัยพื้นฐานทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้ทุนสนับสนุน แก่หน่วยงานอื่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัย และบริษัทเอกชนที่ทำการวิจัยและพัฒนา ในปี พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969)
โครงการอาร์พาเน็ต ได้ริเริ่มขึ้น โดยเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ระหว่างสถาบัน 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตา บาร์บารา มหาวิทยาลัยยูทาห์ และสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์จากสถาบันทั้ง 4 แห่งนี้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ต่างชนิดกันและใช้ระบบปฏิบัติการ ที่แตกต่างกัน
ต่อมาเครือข่ายอาร์พาเน็ตได้รับความนิยมอย่างมาก มหาวิทยาลัย หน่วยงานของรัฐและเอกชนต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาได้เข้าร่วมเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาและวิจัย
ในประเทศไทยได้ติดต่อกับอินเตอร์เน็ตในลักษณะของการใช้บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยในปี พ.ศ. 2530 มหาวิทยาลัย สงขานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียได้ติดต่อขอใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โดยความร่วมมือระหว่างไทย และออสเตรเลียซึ่งการเชื่อมโยงในขณะนั้นจะใช้สายโทรศัพท์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งเครือข่ายเพื่อเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายยูยูเน็ต (UUNET) ของบริษัทยูยูเน็ตเทคโนโลยี จำกัด (UUNET Technologies Co.,Ltd.) ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและในปีเดียวกันนี้ สถาบันการศึกษาหลายแห่ง เช่นสถาบัน เทคโนโลยีแห่งเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดลบ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ได้ขอเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกเครือข่ายนี้ว่า เครือข่ายไทยเน็ต (THAINET) ซึ่งในปัจจุบันเครือข่ายไทยเน็ต ประกอบด้วยสถาบันการศึกษา 4 สถาบัน คือ สำนักวิทยาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ในปีเดียวศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (National Electronics and Computer Technology Center หรือ NECTEC) ได้จัดตั้งเครือข่ายไทยสารซึ่งต่อมาได้ต่อกับเครือข่ายของยูยูเน็ต และในปัจจุบันไทยสารได้เชื่อมโยงกับสถาบันต่าง ๆ
การเชื่อมต่อเข้าระบบอินเตอร์เน็ตการเชื่อมต่อเพื่อใช้ระบบอินเตอร์เน็ตโดยทั่วไปแล้วหน่วยงานของรัฐและสถาบันการศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนจะให้บริการแก่ผู้ใช้ ผู้ใช้ยังสามารถเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต โดยใช้บริการขององค์กรที่เรียกว่าผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ต Internet service provider (ISP) ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยมีจำนวน 18 ราย (ข้อมูลปัจจุบันศึกษาได้จาก http://ntl.nectec.or.th/internet/index/html)
โครงการอาร์พาเน็ตอยู่ในความควบคุมดูแลของอาร์พา (Advanced Research Projects Agency หรือ ARPA) ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อย ในสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา อาร์พาทำหน้าที่สนับสนุนงานวิจัยพื้นฐานทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้ทุนสนับสนุน แก่หน่วยงานอื่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัย และบริษัทเอกชนที่ทำการวิจัยและพัฒนา ในปี พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969)
โครงการอาร์พาเน็ต ได้ริเริ่มขึ้น โดยเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ระหว่างสถาบัน 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตา บาร์บารา มหาวิทยาลัยยูทาห์ และสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์จากสถาบันทั้ง 4 แห่งนี้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ต่างชนิดกันและใช้ระบบปฏิบัติการ ที่แตกต่างกัน
ต่อมาเครือข่ายอาร์พาเน็ตได้รับความนิยมอย่างมาก มหาวิทยาลัย หน่วยงานของรัฐและเอกชนต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาได้เข้าร่วมเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาและวิจัย
ในประเทศไทยได้ติดต่อกับอินเตอร์เน็ตในลักษณะของการใช้บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยในปี พ.ศ. 2530 มหาวิทยาลัย สงขานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียได้ติดต่อขอใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โดยความร่วมมือระหว่างไทย และออสเตรเลียซึ่งการเชื่อมโยงในขณะนั้นจะใช้สายโทรศัพท์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งเครือข่ายเพื่อเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายยูยูเน็ต (UUNET) ของบริษัทยูยูเน็ตเทคโนโลยี จำกัด (UUNET Technologies Co.,Ltd.) ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและในปีเดียวกันนี้ สถาบันการศึกษาหลายแห่ง เช่นสถาบัน เทคโนโลยีแห่งเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดลบ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ได้ขอเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกเครือข่ายนี้ว่า เครือข่ายไทยเน็ต (THAINET) ซึ่งในปัจจุบันเครือข่ายไทยเน็ต ประกอบด้วยสถาบันการศึกษา 4 สถาบัน คือ สำนักวิทยาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ในปีเดียวศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (National Electronics and Computer Technology Center หรือ NECTEC) ได้จัดตั้งเครือข่ายไทยสารซึ่งต่อมาได้ต่อกับเครือข่ายของยูยูเน็ต และในปัจจุบันไทยสารได้เชื่อมโยงกับสถาบันต่าง ๆ
การเชื่อมต่อเข้าระบบอินเตอร์เน็ตการเชื่อมต่อเพื่อใช้ระบบอินเตอร์เน็ตโดยทั่วไปแล้วหน่วยงานของรัฐและสถาบันการศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนจะให้บริการแก่ผู้ใช้ ผู้ใช้ยังสามารถเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต โดยใช้บริการขององค์กรที่เรียกว่าผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ต Internet service provider (ISP) ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยมีจำนวน 18 ราย (ข้อมูลปัจจุบันศึกษาได้จาก http://ntl.nectec.or.th/internet/index/html)


บริการบนอินเทอร์เน็ต เป็นบริการเพื่อตอบสนองความต้องการในด้านการสื่อสารของผู้ใช้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในระดับบุคคล กลุ่ม และองค์กร ในปัจจุบันมีการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางในการแบ่งปันความคิด ข้อมูล สารสนเทศ รวมถึงความรู้ โดยอาศัยเครื่องมือ เทคโนโลยีหรือบริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต มีดังนี้
1. เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) เวิลด์ไวด์เว็บ หรือเครือข่ายใยแมงมุม เหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะว่าเป็นลักษณะของการเชื่อมโยงข้อมูล จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ เวิลด์ไวด์เว็บ เป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการเรียกดูเว็บไซต์ต้องอาศัยโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ในการดูข้อมูล เว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น โปรแกรม Internet Explorer (IE) , Netscape Navigator
2 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) การติดต่อสื่อสารโดยใช้อีเมลสามารถทำได้โดยสะดวก และประหยัดเวลา หลักการทำงานของอีเมลก็คล้ายกับการส่งจดหมายธรรมดา นั้นคือ จะต้องมีที่อยู่ที่ระบุชัดเจน ก็คือ
อีเมลแอดเดรส (E-mail address)
องค์ประกอบของ e-mail address ประกอบด้วย
1. ชื่อผู้ใช้ (User name)
2. ชื่อโดเมน
Username@domain_name
การใช้งานอีเมล สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
1. Corporate e-mail คือ อีเมล ที่หน่วยงานต่างๆสร้างขึ้นให้กับพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรนั้น เช่น u47202000@dusit.ac.th คือ e-mail ของนักศึกษาของสถาบันราชภัฏสวนดุสิต เป็นต้น
2. Free e-mail คือ อีเมล ที่สามารถสมัครได้ฟรีตาม web mail ต่างๆ เช่น Hotmail, Yahoo Mail, Thai Mail และ Chaiyo Mail
3. บริการโอนย้ายไฟล์ (File Transfer Protocol) เป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับการโอนย้ายไฟล์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การโอนย้ายไฟล์สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
1. การดาวน์โหลดไฟล์ (Download File ) การดาวน์โหลดไฟล์ คือ การรับข้อมูลเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ในปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่จัดให้มีการดาวน์โหลดโปรแกรมได้ฟรีเช่น www.download.com
2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File) การอัพโหลดไฟล์คือการนำไฟล์ข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้ไปเก็บไว้ในเครื่องที่ให้บริการ (Server) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น กรณีที่ทำการสร้างเว็บไซต์ จะมีการอัพโหลดไฟล์ไปเก็บไว้ในเครื่องบริการเว็บไซต์ (Web server ) ที่เราขอใช้บริการพื้นที่ (web server) โปรแกรมที่ช่วยในการอัพโหลดไฟล์เช่น
FTP Commander
4 บริการสนทนาบนอินเทอร์เน็ต (Instant Message) การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตคือ การส่งข้อความถึงกันโดยทันทีทันใด นอกจากนี้ยังสามารถส่งสัญลักษณ์ต่างๆ อาทิ รูปภาพ ไฟล์ข้อมูลได้ด้วย การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตเป็นโปรแกรมที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โปรแกรมประเภทนี้ เช่น โปรแกรม ICQ (I seek you) MSN Messenger, Yahoo Messenger เป็นต้น
5 บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
1. Web directory คือ การค้นหาโดยการเลือก Directory ที่จัดเตรียมและแยกหมวดหมู่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว website ที่ให้บริการ web directory เช่น www.yahoo.com, http://www.sanook.com
2. Search Engine คือ การค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Search โดยการเอาคำที่เราต้องการค้นหาไปเทียบกับเว็บไซต์ต่างๆ ว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างที่มีคำที่เราต้องการค้นหา website ที่ให้บริการ search engine เช่น www.yahoo.com, http://www.sanook.com, http://www.google.co.th, http://www.sansarn.com
3. Metasearch คือ การค้นหาข้อมูลแบบ Search engine แต่จะทำการส่งคำที่ต้องการไปค้นหาในเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลอื่นๆ อีก ถ้าข้อมูลที่ได้มีซ้ำกัน ก็จะแสดงเพียงรายการเดียว เว็บไซต์ที่ให้บริการ Metasearch เช่นwww.search.com, http://www.thaifind.com
6 บริการกระดานข่าวหรือ เวบบอร์ด (Web board)เว็บบอร์ด เป็นศูนย์กลางในการแสดงความคิดเห็น มีการตั้งกระทู้ ถาม-ตอบ ในหัวข้อที่สนใจ เว็บบอร์ดของไทยที่เป็นที่นิยมและมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากมาย คือ เว็บบอร์ดของพันธ์ทิพย์ (www.pantip.com)
7. ห้องสนทนา (Chat Room)ห้องสนทนา คือ การสนทนาออนไลน์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีการส่งข้อความสั้นๆ ถึงกัน การเข้าไปสนทนาจำเป็นต้องเข้าไปในเว็บไซต์ที่ให้บริการห้องสนทนา



หากต้องการต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ต ต้องมีองค์ประกอบพื้นฐานดังต่อไปนี้
- เครื่องคอมพิวเตอร์
- โมเด็ม (modem) เป็นอุปกรณ์สำหรับแปลงสัญญาณอะนาลอกเป็นดิจิตอล และแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอะนาลอก โมเด็มมี 2 ประเภทคือแบบติดตั้งภายใน (internal) และแบบติดตั้งภายนอก (external) ใช้เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับสายโทรศัพท์
- คู่สายโทรศัพท์ 1 เลขหมาย
- ชื่อบัญชีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต (account) จากองค์กรหรือบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISP)
- ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์สำหรับติดต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โปรแกรมบราวเซอร์(Browser) และซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ใช้ในการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- เครื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องพิมพ์ (ในกรณีที่ต้องการพิมพ์ข้อมูล)



- ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้าย หรือ ละเมิดผู้อื่น
- ต้องไม่รบกวนการทำงานของผูอื่น
- ต้องไม่สอดแนม แก้ไข หรือ เปิดดูแฟ้มข้อมูลของผูอื่น
- ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
- ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ
- ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์
- ต้องไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
- ต้องไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
- ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคม ที่เกิดจากการกระทำของท่าน
- ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กติกา และมีมารยาท


อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องเทคโนโลยีสื่อสารที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้แกผู้ใช้บริการ ในลักษณะของการสื่อสารที่ผ่านทางคอมพิวเตอร์ และช่องทางการสื่อสารชนิดต่างๆ ไม่ได้เป็นการสื่อสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่งโดยตรง จึงทำให้เกิดทั้งประโยชน์และโทษในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต
1.สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นทั่วโลก
2.สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆได้เสมือนกับเราไปนั่งอยู่ที่ห้องสมุดขนาดใหญ่ได้ข้อมูลมากมายจากทั่วทุกมุมโลก
3.เปรียบเสมือนเวที่ให้เข้าไปแสดงความคิดเห็นได้ภายในห้องสนทนา(chat room) และกระดานข่าว(Web room) เป็นการเปิดโลกกว้างและวิสัยทัศน์ในเรื่องที่น่าสนใจ
4.สามารถติดตามเคลื่อนไหวจากข่าวสารทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
5.สามารถเปิดการค้าได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องหาที่จัดตั้งร้านหรือพนักงานบริการ แต่สามารถทำการค้าได้ด้วยตัวเองคนเดียว
6.สามารถซื้อสินค้า โดยไม่ต้องเดินทางไปยังร้านค้า ซื้อผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการ การชำระเงินก็สะดวก เช่น ชำระผ่านบัตรเครดิต การหักเงินผ่านบัญชีธนาคาร
7.สามารถรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(E-mail) เป็นการส่งจดหมายที่ไม่ต้องเสียค่าบริการและรับส่งจดหมายได้ภายในและภายนอกประเทศ นอกจากจดหมายที่เป็นข้อความแล้ว ยังส่งบัตรอวยพรในเทศการต่างๆได้อีก
8.สามารถอ่านนิตยสาร หนังสือพิมพ์ บทความ และเรื่องราวต่างๆได้ฟรีเหมือนกับเราซื้อหนังสือฉบับนั้นมาอ่านเอง
9.สามารถติดประกาศข้อความต่างๆที่ต้องการประกาศให้ผู้อื่นทราบได้ เช่น ประกาศขายบ้าน ประกาศสมัครงาน ประกาศขอความช่วยเหลือ
10.มีของฟรีอีกมากมายที่สามารถใช้บริการได้จากอินเทอร์เน็ต เช่น ภาพ เพลง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดูหนัง เกม
2. โทษของอินเทอร์เน็ต
1.อินเทอร์เน็ตเป็นเครืข่ายขนาดใหญ่ที่มีผู้คนมากมายเข้ามาใช้บริการ เป็นเวทีเปิดกว้างและให้อิสระกับทุกคนที่เข้ามาเขียนข้อมูล หรือติดประกาศต่างๆโดยปราศจากการกลั่นกรองที่ดี ทำให้ข้อมูลที่ได้รับไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นจริงหรือไม่
2.เกิดปัญญาหาของการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น การดาวน์โหลดเพลง หรือรูปภาพมารวบรวมขาย หรือเป็นปัญหาอย่างยิ่งคือ การตัดต่อภาพบุคคลที่มีชื่อเสียงให้กลายเป็นภาพแบบอนาจารหรือเสียหายได้
3.ก่อให้เกิดปัญหาด้านอาชญากรรม เพราะการเล่นอินเทอร์เน็ต เช่น การล่อล่วงหญิงไปในทางที่ไม่ดี การก่อคดีข่มขืน เนื่องจากเว็บไซต์โป๊
4.ก่อให้เกิดปัญหาการหมกหมุ่นของเยาวชนที่เข้าไปในเว็บไซต์
โปรแกรมเวบบราวเซอร์ Web Browser
โปรแกรม Web Browser นั้นมีมากมายจากหลายค่ายหลายบริษัท แม้จะมีรูปแบบการใช้อาจจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่มีจุดประสงค์เดียวกันคือ ไว้ใช้สำหรับท่องอินเทอร์เน็ต แสดงผลข้อมูลภายในเว็บเพจ สามารถจัดการไฟล์วิดีโอ เสียง รูปภาพ หรือแม้กระทั่งการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ก็สามารถกระทำได้ สำหรับโปรแกรม Web Browser ที่ได้รับความนิยมทั้งในอดีตและในปัจจุบันเช่น Internet Explorer Mozilla Firefox และ Google Chrome เราจะมาศึกษากัน
![]() ![]() โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ Internet Explorer ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอร์ฟ เป็นที่นิยมอย่างมากหลักจากได้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows98 ซึ่งเวอร์ชั่นในขณะนั้นคือ เวอร์ชั่น 3 แต่เดิมทีนั้นในโลกของอินเทอร์เน็ต บริษัทที่ครองตลาดโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ก็คือ Netscape navigator ซึ่งได้รับความนิยมสูงในขณะนั้น แต่ด้วยความเป็นโปรแกรมที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ผนวกกับทางไมโครซอต์ฟ ได้เปิดตัว Windows98 ซึ่งได้แถมInternet Explorer เวอร์ชั่น 3 มาด้วย ทำให้เป็นฟรีแวร์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้ใช้จึงหันมาใช้ IE กันมากขึ้นตามลำดับ และครองตลาดไปโดยปริยาย ปัจจุบันในพัฒนามาจนถึงเวอร์ชั่น 7 ในยุคของ WindowsXP และ เวอร์ชั่น 8 ในยุคของ Windows7 ระบบปฏิบัติใหม่ล่าสุด IE เป็นโปรแกรมประเภทฟรีแวร์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดาว์นโหลดโปรแกรมได้ทางhttp://www.microsoft.com อีกประการหนึ่งโปรแกรมนี้จะแถมมากับระบบปฏิบัติการ Windows ทุกเวอร์ชั่น ซึ่งหากได้ติดตั้งแล้วก็สามารถใช้งานได้เลย คุณสมบัติของโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ Internet Explorer V.7 - อ่านเอกสารแบบออฟไลน์ได้ - โอนไฟล์ข้อมูลได้ด้วย FTP - ใช้แถบเครื่องมือในการลิงค์ได้ - อับเดต Windows - ปลอดภัยจากการโจรกรรมด้วย ActiveX - ตั้งค่าความเร็วในการแสดงผลข้อมูล - ปรับแต่งหน้าเอกสารก่อนพิมพ์หน้าเว็บเพจ ถัดไปจะเป็นส่วนประกอบของหน้าจอใช้งานหลักและปุ่มที่สำคัญๆ ส่วนประกอบของหน้าจอหลักของ Internet Explorer ![]() 1. แถบชื่อโปรแกรมหรือ Title bar แสดงชื่อเว็บเพจที่เรียกดู และชื่อโปรแกรม 2. แถบคำสั่ง หรือ Menu รวมรวมคำสั่งทั้งหมดของโปรแกรม ในรูปแบบคำสั่งย่อยในคำสั่งหลัก 3. แถบเครื่องมือมาตรฐานหรือ Tool bar แสดงคำสั่งที่ใช้งานกันบ่อยๆ 4. แถบชื่อเอกสารหรือ Address bar ใช้พิมพ์ที่อยู่หรือตำแหน่งของเว็บเพจที่ต้องการ เช่น www.google.co.th เป็นต้น 5. ปุ่ม Go ใช้คลิกเพื่อไปยังเว็บไซต์ตามที่อยู่ในข้อ 4 หรือใช้กดปุ่ม เอ็นเตอร์ (Enter) ก็ได้ 6. พื้นที่แสดงเว็บเพจ แสดงผลข้อมูลต่างภายในเว็บเพจ 7. แถบสถานะ แสดงสถานะของหน้าเว็บเพจ ณ ขณะนั้น ปุ่มทีสำคัญๆ ในการใช้งานของ Internet Explorer ![]() 1. ปุ่ม Back หรือ ปุ่มย้อนกลับไปยังหน้าที่ผ่านมา ![]() 2. ปุ่ม Forward หรือ ปุ่มไปยังหน้าถัดไป ![]() 3. ปุ่ม Stop หรือ ปุ่มหยุดการแสดงผลข้อมูลภายในเว็บเพจ ![]() 4. ปุ่ม Refresh หรือ ปุ่มให้แสดงผลข้อมูลภายในเว็บเพจใหม่ ปัจจุบันบริษัท Microsoft ได้พัฒนา โปรแกรมเว็บบราวเซอร์ Internet Explorer มาจนถึงเวอร์ชั่น 8 แล้วซึ่งมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการตัวใหม่ Windows 7 หรือ seven -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ![]()
2. Mozilla Firefox หรือเรียกสั้นๆ ว่า Firefox
ผู้คนส่วนใหญ่ที่เล่นอินเทอร์เน็ต เป็นเปิดเว็บไซต์เป็นประจำคงจะรู้จักกับคำว่าเว็บบราวเซอร์ หรือโปรแกรมท่องเว็บ ส่วนใหญ่แล้วเราคงจะรู้จักกันแต่เว็บบราวเซอร์ Internet Explorer ของ Microsoft แต่รู้หรือไม่ว่า IE ที่ใช้อยู่นั้น ปัจจุบันมันยังไม่ปลอดภัย เพราะว่าทางทีมงานไม่ได้พัฒนามานานแล้ว ฉะนั้นจึงเสี่ยงเรื่องของความปลอดภัย ซึ่ง Firefox นั้นเป็นอินเทอร์เน็ตบราวเซอร์ตัวใหม่ที่จะเข้ามาแข่งกับ IE Internet Explorer นำทีมการสร้างโดย Mozilla โดยมีนักพัฒนาต่อยอดอยู่ทั่วทุกมุมโลก คุณสมบัติของ Firefox ที่เด่นกว่า IE คือ โปรแกรมมีขนาดเล็กกว่าทำให้การโหลดข้อมูล ทางหน้าเว็บเพจทำได้รวดเร็ว ใช้งานได้สะดวก แท็บด้านบนทำให้ทำให้เข้าได้หลายเว็บไซด์พร้อมๆกันโดยไม่ ต้องเปิด window ใหม่ อีกทั้งยังมีการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องอินเทอร์เน็ต เช่น เมนูของGoogle สำหรับการค้นหาข้อมูลFirefox เป็น Browser ที่มีกระแสการตอบรับอย่างรวดเร็วเมื่อต้นปี 2006 ซึ่งขณะนี้มีผู้ใช้ Browser ตัวนี้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน มียอดการ download ไปใช้งานเกือบ 300 ล้านครั้งแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่า Firefox ต้องมีอะไรสักอย่างที่ดึงดูดนักท่องเว็บเหล่านั้น จุดเด่นที่สำคัญของ Mozilla Firefox ที่น่ากล่าวถึงเป็นอย่างแรกคือ ความเป็นโปรแกรม open source แจกฟรีให้กับผู้ใช้ทั่วไปที่พัฒนาโดยองค์การที่ไม่หวังผลกำไรและคน ทั่วไปนั่นเอง คุณสมบัติที่น่าสนใจของ Firefox 1.ความรวดเร็ว Firefox จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ ได้รวดเร็วกว่า ด้วยการทำงานของโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ และยังสามารถปรับแต่งเพื่อเร่งการทำงานให้เร็วได้สูงสุด 2.ความปลอดภัย หากโดนบุกรุกจากเหล่าสปายแวร์ โทรจัน ไวรัส จากโลกไซเบอร์บ่อยๆ รับรองว่าถ้าหากได้ใช้ Firefox ปัญหาต่างๆที่เคยประสบจะลดลงอย่างแน่นอน ด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยที่เหนียวแน่นและระบบการอัพเดตของ Firefox จะช่วยอุดช่องโหว่ใหม่ๆได้อย่างทันท่วงที 3.ฟรีแวร์ 100% แน่นอนที่สุด คือโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมฟรี แถมยังเป็นโปรแกรมเปิด หรือ OpenSource เพื่อให้เหล่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือผู้ใช้ที่พบเห็นข้อบกพร่องในการใช้งาน ได้ส่งข้อบกพร่องหรือทางแก้ไขนั้นๆ ทำให้ Firefox มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกระแสตอบรับดีเสมอมา หลายหลายคุณสมบัติในการท่องเว็บไซต์หากคุณนักท่องโลกไซเบอร์ ถ้าได้ลองสัมผัสคุณสมบัติต่างๆของ Firefox ![]() รูปร่างหน้าตาของ Mozilla Firefox หน้าเริ่มต้น ![]() ปกติ Mozilla Firefox จะมีปลั๊กอินสำหรับช่วยในค้นหาของ Google ให้สะดวกยิ่งขึ้น 1. เป็นโปรแกรม Open source จุดเด่นของ open source คือ จริงใจ ไม่ปิดบัง โดยทุกคนเห็นข้อมูลทุกอย่าง และส่งเสริมการพัฒนาต่อโดยประชาคม Open source หมายความว่า ทุกคนรู้ทุกอย่างในโปรแกรมที่เป็น open source ได้ ผู้คนเหล่านี้ รวมทั้ง ผู้ชำนาญด้านความปลอดภัย และนักพัฒนาโปรแกรม ที่กระจายอยู่ทั่วโลก Firefox มีความเป็น open source มาโดยตลอด ทำให้ใครก็ตามทั่วโลก ที่มีความรู้ด้านภาษาคอมพิวเตอร์นี้ สามารถมองทุกอย่างที่อยากรู้ได้ในโปรแกรม มองออกได้ว่ามีจุดบกพร่องใด พร้อมที่สามารถแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบได้ถึงปัญหา และสิ่งอื่นใด อีกทั้งสามารถพัฒนาสร้างโปรแกรมเสริมต่อการใช้งานของ Firefox ได้ ซึ่งเรียกว่า add-ons กรณีมีการโจมตีจาก virus,worm,malware,spyware หรือที่ไม่ดีอื่นใด ผู้รู้จัก open source โดยเฉพาะผู้หลงไหลใน open source จำนวนมากทั่วโลก สามารถแก้ไขขึ้นได้ด้วยตัวเอง หรืออย่างน้อยก็บอกต่อกัน ทำให้ Firefox ปรับตัวได้เร็วมาก จึงมี safety ที่ดี แม้เพียงมีความผิดปกติขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็อาจตรวจพบได้แล้ว การเป็น open source จึงอาจถูกมองได้ว่าเป็นปัญหา เพราะผู้ไม่หวังดี รู้ข้อมูลทั้งหมดในการสร้างโปรแกรมไม่ดีมารบกวน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เป็นเช่นนั้น. ดังเห็นได้ว่า พลังของชาว Firefox แข็งแกร่งกว่า และพร้อมกว่า และที่สำคัญคือ ผู้มีความรู้มักสร้างประโยชน์ขึ้นกับตนเอง และกลุ่มมากกว่า ไปสร้างความเสียหาย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่คอยดูแล ปกป้อง Firefox 2. ความปลอดภัยหรือ Security บนโลกของอินเทอร์เน็ต ยังไม่มีความปลอดภัย 100% เพราะเหตุการณ์ และปัจจัยเปลี่ยนแปลง และเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม Firefox ให้ความปลอดภัยกว่าจากปัจจัยลบ เช่น spyware,hackers,scammers และspammers Phishing protection จาก Firefox ให้ความปกป้องทางการเงินและความเป็นส่วนตัว -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ![]() 3. Google Chrome เว็บบราวเซอร์ตัวใหม่ล่าสุด คุณลักษณะต่างๆ ของ Google Chrome - ช่องแท็บสำหรับใส่ที่อยู่หรือ Address สามารถใช้เป็นช่องค้นหาได้ - สามารถตั้งเลือกค่าให้บุ๊คมาร์คในแต่ละเครื่องปรับตรงกันได้โดยอัตโนมัติ - สามารถลากแท็บออกจากเบราว์เซอร์เพื่อสร้างหน้าต่างใหม่และรวมหลายๆ แท็บไว้ในหน้าต่างเดียว - แท็บทุกแท็บที่กำลังใช้ ทำงานอย่างอิสระในเบราว์เซอร์ - มีโหมดไม่ระบุตัวตนสำหรับการเข้าชมแบบส่วนตัว - มีส่วนขยายให้เลือกติดตั้งเพิ่มลงไปตามต้องการ
โดยสามารถติดตั้ง Google Chrome ซึ่งเป็นฟรีแวร์ได้ที่ http://www.google.com/chrome
![]()
Google Chrome เว็บบราวเซอร์ที่มีการทำงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
คุณลักษณะใหม่ล่าสุดส่วนขยายของ Google Chrome คือ โปรแกรมขนาดเล็กที่ช่วย เพิ่มคุณลักษณะต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับบราวเซอร์ของคุณ ส่วนขยายมีทั้งการแจ้งข่าวและการแจ้งเตือนที่เป็นประโยชน์ พร้อมกันนี้คุณยัง สามารถเข้าถึงเว็บแอปพลิเคชันโปรดหรือแหล่งข่าวสาร และปรับปรุงการทำงาน ออนไลน์ เช่น การเรียกดูภาพถ่าย การรับเส้นทาง หรือช็อปปิ้งได้อย่างง่ายดายยิ่ง ขึ้นอีกด้วย การแปลในเบราว์เซอร์ Chrome เป็นเบราว์เซอร์แรกที่รวมเอาการแปลจากคอมพิวเตอร์เข้าไว้ใน เบราว์เซอร์โดยไม่ต้องมีปลั๊กอินหรือส่วนขยายเพิ่มเติม เมื่อภาษาบนหน้าเว็บไม่ตรงกับการตั้งค่าภาษาที่กำหนดไว้ในเบราว์เซอร์ Chrome จะถามโดยอัตโนมัติว่าต้องการให้แปลหน้าเว็บเป็นภาษาที่คุณตั้งค่าไว้หรือไม่ และคุณลักษณะที่ได้รับความนิยมมาก ที่สุดจากคือ Chrome ธีม ซึ่งสามารถตกแต่งบราวเซอร์ของคุณด้วยธีมจากศิลปินทั่วโลก หน้าแท็บใหม่ ไปที่เว็บไซต์โปรดของคุณได้ง่ายๆ จากหน้าแท็บใหม่ เมื่อคุณเปิด แท็บใหม่ ไซต์ที่คุณเข้าชมบ่อยที่สุดจะพร้อมให้คุณใช้งานทันที แถบอเนกประสงค์ ใช้แถบอเนกประสงค์เพื่อพิมพ์ทั้งที่อยู่เว็บและข้อความค้นหา สรุปบทที่ 2 โปรแกรม เว็บบราวเซอร์ คือโปรแกรมที่ใช้ในการเปิดดูข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นข้อมูลภายในเว็บเพจ เขียนด้วยภาษา HTML ทำหน้าที่ในการแสดงผลของ ข้อมูลเอกสาร เว็บบราวเซอร์สามารถอ่านข้อมูลที่เป็นภาพ 2 มิติและ 3 มิติ ภาพเคลื่อนไหว เสียง การเชื่อมโยงข้อมูล และสามารถจัดเก็บในรูปแบบต่างๆ ได้ โปรแกรม เว็บบราวเซอร์ที่มีตั้งแต่ในอดีตจนถึงในปัจจุบันอันได้แก่ Internet Explorer,MozillaFirefox,Opera,Netscape navigator และ Google chrome ส่วนประกอบของโปรแกรมเว็บบราวเซอร์โดยทั่วไป หลักๆ อันได้แก่ 1. Title bar(แถบชื่อ) แสดงชื่อเว็บที่เรากำลังใช้อยู่ 2. Menu Bar(แถบเมนู) ทำหน้าที่แสดงเมนูคำสั่งต่างๆ ซึ่งแบ่งกลุ่มของคำสั่ง โดยประกอบไปด้วย เมนูFile,เมนูEdit,เมนูView และเมนูFavorites 3.เมนูTools และเมนูHelp โดยคำสั่งเหล่านี้จะมีการแสดงคำสั่งย่อยๆ 4.Tool Bar(แถบเครื่องมือ) ทำหน้าที่แสดงปุ่มคำสั่งต่างๆที่มีการใช้งานบ่อยๆ โดยแสดงปุ่มรูปภาพซึ่งสื่อถึงการใช้งาน เมนูคำสั่ง เมนู View และ เมนู Favorites 5.Address Bar(แถบที่อยู่) ทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ต่างๆ 6. พื้นที่ในการแสดงข้อมูลบนเว็บเพจ โดยพื้นที่ดังกล่าวจะแสดงข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏในเว็บเพจต่างๆ ซึ่งพื้นที่ในการแสดงข้อมูลบนเว็บเพจนี้ จะประกอบไปด้วยข้อมูลที่เป็นตัวอักษร รูปภาพ และการเชื่อมโยงข้อมูล 7. Status Bar(แถบสถานะ) ทำหน้าที่ในการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงในเว็บเพจ ซึ่งจะแสดงชื่อของเว็บเพจที่ทำการเชื่อมโยง |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น